ลิขิตไว้เเค่สองเรา - นิยาย ลิขิตไว้เเค่สองเรา : Dek-D.com - Writer
×

    ลิขิตไว้เเค่สองเรา

    พวกเขาทั้งสองคนกลับมาพบกันในวันงานเลี้ยงรุ่นมอปลาย เเม้จะผ่านไปนานถึง 9 ปี ความรู้สึกอบอุ่นนั้น....ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ

    ผู้เข้าชมรวม

    37

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    37

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 67 / 23:50 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



    กึก..กึก...


    นิ้วเรียวทั้งสองบรรเลงบนคีย์บอร์ดด้วยความคล่องเเคล่ว ดวงตาสวยเหลือบไปมองเรือนนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างคอมพิวเตอร์ เขาดูกังวลเล็กน้อย ต้องจัดการเอกสารให้เสร็จก่อน 4 โมงเย็น คิดว่าวันนี้คงไม่ทำโอที บัตรพนักงานที่คล้องอยู่ขยับไปมาตามเเรงเคลื่อนไหว



    เหนือ


    นาย จิรายุ ถนนุกานต์


    (ฝ่ายบัญชี)



    เหนือเป็นพนักงานบริษัทเอกชนมาเกือบจะ 3 ปีเเล้ว หลังจากเรียนจบก็หางานทำทันที ชีวิตของเขาไม่ได้มีอะไรหวือหวา มันเรียบง่ายมาก ทำงานเสร็จก็กลับหอพัก วนลูปไปเรื่อย ๆ

    ชีวิตนี้คงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าวันหยุด

    อยากได้เวลานอนดูซีรีย์สัก 1 วัน

    ตื่นสายๆ มานั่งจิบกาเเฟ

    นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอ่านหนังสือที่ชอบบนเตียง

    ...ฝันไปก่อนเเหละ

    “น้องเหนือคะ วันนี้พี่ได้ข่าวว่ามีเดทใช่มะ” พี่เเพรวฝ่ายการเงินเลื่อนเก้าอี้ขยับมาใกล้ ท้าวคางมองคนอายุน้อยด้วยความเอ็นดู เห็นมาตั้งเเต่สมัยเป็นเด็กฝึกงาน ตอนนี้เป็นพนักงานเต็มตัว น้องเหนือเป็นคนที่ตั้งใจกับงานมาก เรียนรู้เร็ว เเถมรอบคอบ น้องเหนือเป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ ถ้าไม่ติดว่าตัวเองมีสามี คงจะตามจีบน้องเหนือให้ได้

    “เดทที่ไหนกันล่ะครับ” เเม้จะเร่งพิมพ์งานเเค่ไหน เเต่ก็ไม่ได้เสียมารยาทที่จะไม่ตอบคนอายุมากกว่า “เป็นงานเลี้ยงรุ่นสมัยมอปลายครับ เเค่นัดเพื่อนในกลุ่มมาเจอกันครับ”

    พี่เเพรวทำหน้าครุ่นคิด ในขณะที่เหนือรู้ทัน “เหนือยังไม่มีเเฟนจริง ๆ ครับ จะไปเดทกับใครได้ล่ะครับ” พูดไปก็ขำไป ทั้งชีวิตไม่เคยมีเเฟนเลยต่างหาก

    “น้องเหนือออกจะน่ารัก หลุดQC ได้ยังไงเนี้ย” เหนือเองไม่ได้ตอบอะไร ยิ้มเเห้งให้ เเล้วก็พิมพ์งานต่อ ส่วนพี่เเพรวเองก็เลื่อนเก้าอี้กลับไปที่โต๊ะของตนเอง “ไว้เดี๋ยวพี่จะช่วยหาให้น๊า”

    ได้ยินนะพี่เเพรว…

    เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ไม่ลืมที่จะตอกบัตรพนักงาน เขาลงมาจากลิฟต์ที่ดูรีบ ๆ หน่อย ถึงเเม้จะเคลียร์เอกสารได้ตรงเวลา เเต่เจ้าเครื่องพิมพ์งานดันกระดาษหมด เลยเสียเวลาตรงนั้นไปหลายนาที คิดว่าไปที่งานสายนิดนึงคงจะไม่เป็นไร





    ..


    @โรงเเรม


    เหนือจอดรถไฟฟ้า vespa ข้างตัวอาคารของโรงเเรม ระยะทางที่มาก็ไม่ไกลกันมากเท่าไร ตอนเเรกจะกลับไปเปลี่ยนชุด เเต่กลัวจะช้าไปมากกว่าเดิม เเค่ถอดบัตรพนักงานเก็บใส่กระเป๋า ก็ไม่ต่างอะไรกับเสื้อผ้าที่เขาเคยใส่

    “เหนือ ทางนี้เว้ย!” น้ำเสียงที่ยังจำได้ดี เเม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปบ้างเเต่ก็จำหน้าได้เหมือนเดิม พายัพ คู่หูสมัยเรียน นั่งเรียนข้างกัน ถ้าบอกว่าเพื่อนสนิท ก็ไม่ปฏิเสธ

    “โทษที รอกันนานไหม”

    “ไม่ ๆ ยังเหลือไอ้ธีร์ กับ อชิอีก เห็นว่ารถติด”

    อชิ…อชิก็มา…

    “ทำไมมึงทำหน้างั้นวะ อย่าบอกนะว่าลืมมันเเล้ว”

    ใครจะไปลืม ลืมก็บ้าเเล้ว 

    “เปล่าสักหน่อย เเค่เเปลกใจ”

    “เออตอนเเรกพวกกูก็เเปลกใจที่จู่ ๆ มันขอมาร่วมงานด้วย มันบอกว่ามีเหตุผลที่ต้องออกกะทันหัน”

    “เหนือได้ข่าวว่ามึงได้งานบริษัทใหญ่หรอวะ”

    “กูบอกเองเเหละ พวกเเม่งถาม” พายัพว่า

    “ยินดีด้วยนะเว้ย กูเเม่งได้เพื่อนร่วมงานไม่ดี Toxic ชิปหาย โคตรอึดอัดอ่ะ” พล ตัวตึงที่สุดในห้อง ยกเเก้วเบียร์หมดพรวดเดียว

    “เฮ้ยไอ้ชาญมึงห้ามมัน เดี๋ยวหลับก่อนจะได้คุยกัน”


    นี่นัดกันมาระบายปัญหาชีวิตชัดปะเนี้ย


    เเล้วนี่อีกคน “มึงก็ว่าเเต่เขา มึงปาไปสองเเก้วเเล้วยัพ”


    สรุปนัดกันมาดื่ม



    “จริง ๆ วันนี้กูพึ่งเลิกกับเมีย เเม่ง..”

    เอาล่ะ ปัญหาชีวิตรุมเร้าของจริง ไม่รู้จะปลอบยังไง ก็เลยเติมให้มันอีกเเก้ว

    “ไอ้เหนือ”

    “มึงก็รู้ว่ากูปลอบใจไม่เก่ง กินไปเถอะ”


    “ขอบใจว่ะ คืนนี้กูจะเมาให้เละ”

    “เเล้วไอ้เหนือคนนี้ก็เก็บร่างมึงสินะ”


    ตอนนี้ทุกคนเริ่มหน้าเเดง-หูเเดง จากฤทธิ์เเอลกอฮอร์ บางคนหลับไปเเล้วก็มี โดยเฉพาะพายัพ ตอนนี้ฟุบลงกับโต๊ะไปเเล้ว

    ธีร์มาเเล้ว เเต่อชิยังไม่มา…หรือว่าเขาเปลี่ยนใจ

    “เฮ้ย ดูดิใครมาาาา” พายัพลากเสียงยาว ลุกขึ้นเดินไปกอดเเขกผู้มาใหม่ เมื่อกี้ยังสลบอยู่เลย

     เพื่อนคนอื่นต่างพลอยสร่างเมาไปด้วย บ้างก็ลุกตบมือต้อนรับ บ้างก็วิ่งไปกอด

    อชิระ…เขากลับมาเเล้ว

    อชิระตัวเป็น ๆ

    คงมีเขาคนเดียวที่ไม่กล้ากอด เเค่คุยยังไม่กล้า เห็นเเบบนี้เเต่ก็ดีใจไม่น้อยไปกว่าคนอื่นเลยนะ ถ้าจะให้กอดคนที่เคยชอบ…ก็คงทำตัวไม่ถูก 

    ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ งั้นคงมีเเฟนไปเเล้ว 

    นี่เเหละทำไมถึงไม่มีเเฟนสักที เป็นคำถามของหลาย ๆ คน


    “โทษที รถติดไม่พอ หาที่จอดรถไม่ได้ กูขับไปจอดที่ห้าง รอนานไหมวะ”

    “โหเพื่อน เเค่มึงมา พวกกูก็ดีใจชิปหายเเล้ว”

    ทุกคนดูสร่างเมากันได้เเค่เเปปเดียว ก็ตัดภาพเหมือนเดิม

    ตอนนี้เหลือเเค่เขากับอชิที่สภาพปกติ เเต่อชิก็ยังนั่งคุยกับชาญอยู่ เรานั่งตรงข้ามกัน ที่มีระยะพอสมควร หรือต่อให้นั่งใกล้กันก็ไม่รู้จะเริ่มถามอะไรก่อน 

    มีเรื่องให้ถามเยอะเเยะไปหมด

    ไม่รู้ว่าอชิจำเขาได้หรือเปล่า

    ไม่เเน่...อาจจะลืมเเล้วก็ได้

    รู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูก จิ้มลูกชิ้นเข้าปากไปก็เเอบเหลือบมองใบหน้าอีกฝ่ายไป เขาเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ทั้งความสูง ทั้งสีผิว ตอนนั้นอชิขาวมาก ๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้ดำ เเต่ก็สีผิวไปทางสีเเทนมากกว่า ใบหน้าก็คมมากขึ้น ดูดีมากเลยเเหละ 

    อีกฝ่ายเหมือนรู้ว่าถูกจ้องมอง…เเต่เเค่เเกล้งทำไม่รู้ตัว

    เหนือสะดุ้งเล็กน้อย

    อชิมองมา เเล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย


    ...ชาญฟุบไปกับโต๊ะเเล้ว


    เสียงดนตรียังคงเปิดอยู่ เเต่ถูกใครบางคนกดเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น


    “ไปเดินเล่นข้างนอกกันไหม”

    “….” อชิเดินมาตั้งเเต่ตอนไหน รู้ตัวอีกที อชิก็กระซิบข้างหู

    “ในนี้เสียงดัง ไปข้างนอกกัน” ไม่ต้องรอคำตอบ ก็ถูกร่างสูงจับเเขนให้เดินตามออกไป

    “ระ..เราจะไปไหนกันหรอ”

    “ข้างบนไหม ชั้นบนสุดมีดาดฟ้า”

    ตอนนี้ได้เเต่ก้มมองฝ่ามือใหญ่ที่ทาบอยู่ที่เเขนเขา รู้สึกเคอะเขินไปหมด คำถามบางคำไม่ได้ตอบอีกฝ่ายเลย เอาเเต่พยักหน้าเเทน


    ซึ่งอชิเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ยิ่งไม่ต่อต้านยิ่งเป็นผลดีกับเขา


    เเม้เเต่อยู่ในลิฟต์ ร่วมใช้อากาศหายใจเดียวกันในพื้นที่เเคบ ๆ ก็เเทบทำตัวไม่ถูก


    ติ๊ง!


    ถึงเเล้ว…


    ตอนนี้เขาเหมือนเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่จูงเเขนพาไปเที่ยว

    อชิจะขายาวไปไหน ก้าวตามเเทบไม่ทัน ยิ่งตอนที่อชิหยุดเดิน หน้าเกือบชนเเผ่นหลังเลย


    เกือบไปเเล้ว…


    อชิปล่อยเเขนเขาให้เป็นอิสระ หันหน้ามามอง “ไม่ทักทายกันหน่อยหรอ”

    น้ำเสียงของอชิไม่ได้ดูโกรธ หรือไม่พอใจ เเต่คล้ายน้อยใจมากกว่า

    “เรา…คิดว่าอชิ…”

    “ใครจะลืม” ยังรู้ใจเหมือนเดิม ฝ่ามือวางบนกลุ่มผม ยีลงไปด้วยความนุ่มนวล “คิดถึง”

    “….” อชิจะทำให้คนเเบบเขาหัวใจวายได้เลยนะรู้ไหม

    “ขอกอดหน่อยได้ไหม”

    “อื้ม” พอได้กอดกันเเบบนี้ ความรู้สึกเก่าๆ ที่ผ่านมาหลายปีก็กลับมา

    นานมากที่เกือบจะลืมสัมผัสอุ่น ๆ เเบบนี้ “หายไปไหนมา ฮึ่กก” ไม่เคยคิดว่าตัวเองขี้เเยขนาดนี้มาก่อน เเต่คำถามเเบบนี้มันถูกฝังในใจมาตลอด

    “ขอโทษ” สัมผัสที่อชิลูบเเผ่นหลังให้มันนุ่มนวลเหมือนเมื่อก่อนไม่เคยเปลี่ยน “กลับมาเเล้ว จะไม่หายไปไหนอีกเเล้ว”










    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น